หลวงพ่อฤาษีลิงดํา ได้แสดงธรรม ใว้ในหนังสือ ทางสายเอก ว่าด้วยเรื่อง ทำไมเราจึงต้องเจริญกรรมฐาน
ทำไมเราจึงต้องเจริญกรรมฐาน
เป็นเพราะอะไร ในเมื่อการทำบุญทำทาน ไปสวรรค์ก็ได้ ไปพรหมโลกก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ จะมานั่งเมื่อยกันเพื่อประโยชน์อะไร ถ้าเขาถามแบบนี้จะตอบว่ายังไง ต้องตอบว่า อยากทำจ้ะ หมดเรื่องหมดราว
ความจริงการเจริญพระกรรมฐาน
มีอานุภาพมาก แต่ขอเว้นไว้ก่อน การทำบุญทุกอย่างก็มีผล ตัวอย่าง สุปติฏฐิตะเทพบุตร เขาไม่เคยทำบุญเลยใช่ไหม ตั้งแต่เกิดมาทำบาปอย่างเดียว ทำลายทั้งศีลทั้งธรรม ศีลก็ทำลายหมดทุกข้อ เรียบร้อยนะ ธรรมะก็ทำลาย
อย่างคนที่จะฟังเทศน์หรือสนทนาเรื่องธรรมะ แกก็แกล้งส่งเสียงกลบ เขาจะไปทำบุญเห็นแล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็น ได้ยินแล้วแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาดื่มสุราเมรัยทุกอย่าง เรียกว่าศีลทั้งหมดไม่มี ความดีไม่มี ท่านไม่เคยให้
แต่ว่าพอก่อนจะตายบังเอิญทุกขเวทนามันมาก ก็มองดูภรรยา บุตรธิดา ข้าทาสหญิงชาย ทรัพย์สิน เพราะเป็นคนรวย ก็คิดในใจว่าทุกคนสงสารเรา แต่ว่าไม่มีใครเลยที่แบ่งภาระของเราไปได้ ทุกขเวทนาตกอยู่ที่เราคนเดียว
เวลานั้นพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ใกล้ ๆ
เคยไปเคยมาบ่อย ๆ อยู่แถวนั้นนะ แต่ว่าแกไม่เคยแม้แต่ยกมือไหว้ เทศน์ก็ไม่เคยฟัง ทานก็ไม่เคยให้ ไม่ยอมรับนับถือพระทั้งหมด ทุกอย่างไม่นับถือ ถือว่าตายแล้วสูญ
แต่ว่าพอทุกขเวทนามันมากหนักเข้า
ทนไม่ไหวจิตใจเลยนึกถึงพระพุทธเจ้า แต่การนึกถึงไม่ใช่นึกถึงให้มาช่วยให้ได้ธัมมะธัมโมอย่างนั้นนะ ตั้งใจเขาลือกันว่าพระสมณโคดมใจดีมีเมตตาจิต ขอให้มาช่วยให้หายทุกขเวทนา
ขณะที่แกคิดอยู่อย่างนั้นก็บังเอิญตายพอดี อาศัยที่นึกถึงพระพุทธเจ้าหน่อยเดียว แต่แกก็ไม่ได้นึกถึงด้วยความเคารพนัก ต้องการแต่เพียงว่าท่านมีเมตตา ขอให้มารักษาโรคให้หาย อาศัยบุญเล็กน้อยเพียงเท่านี้ตายจากความเป็นคนไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีนางฟ้าหนึ่งพันเป็นบริวาร มีวิมานทองคำ
แต่ความจริงแค่นี้ก็พอแล้วละมั้ง
แต่ว่าอย่าลืมนะนั่นเป็นการบังเอิญ บังเอิญว่าเขานึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมา ถ้าหากว่าถ้าเราจะปล่อยอย่างนั้นบ้าง ถ้าบังเอิญเวลาเราจะตายไม่นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างนั้น ก็ลงนรกไป
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หนังสือ ทางสายเอก หน้าที่ ๖๙