บทสวดในธชัคสูตรนี้ เป็นการกล่าวถึงอำนาจพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้ใดได้ตั้งใจน้อมระลึกถึงเมื่อเกิดความกลัวหรือถูกอำนาจภัยมืดคุกคาม สวดเป็นประจำทุกวัน ย่อมพ้นจากภัยได้
บทสวดและคำแปล (ย่อ)
อะรัญเญ รุกขะมูเล วา สุญญาคาเร วะ ภิกขะโว
อะนุสสะเรถะ สัมพุทธัง ภะยัง ตุุมหากะ โน สิยา
โน เจ พุทธัง สะเรยยาถะ โลกะเชฏฐัง นะราสะภัง
อะถะ ธัมยัง สะเรยยาถะ นิยยานิกัง สุเทสิตัง
โน เจ ธัมมัง สะเรยยาถะ นิยยานิกัง สุเทสิตัง
อะถะ สังฆัง สะเรยยาถะ ปุญญักเขตตัง อะนุตตะรัง
เอวัง พุทธัง สะรันตานัง ธัมมัง สังฆัญจะ ภิกขะโว
ภะยัง วา ฉันภิตัตตัง วา โลมะหังโส นะ เหสสะตีติ ฯ
คำแปล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายอยู่ในป่า หรือที่โคนต้นไม้ ในเรือนว่าง พึงระลึกถึงพระสัมพุทธเจ้า ภัยจึงจะไม่มีแก่เธอทั้งหลาย ถ้าเธอทั้งหลาย ไม่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ประเสริฐกว่านรชน
ที่นั้น พึงระลึกถึงพระธรรม อันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ ซึ่งเราแสดงไว้ดีแล้ว ถ้าเธอทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระธรรม อันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ซึ่งเราแสดงไว้ดีแล้ว
ที่นั้น เธอทั้งหลายพึงระลึกถึงพระสงฆ์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อยู่อย่างนี้ ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี อาการกลัวจนขนหัวลุกก็ดี จักไม่มีดังนี้แล ฯ
บทสวดในธชัคสูตรนี้
เป็นการกล่าวถึงอำนาจพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้ใดได้ตั้งใจน้อมระลึกถึงเมื่อเกิดความกลัวหรือถูกอำนาจภัยมืดคุกคาม สวดเป็นประจำทุกวัน ย่อมพ้นจากภัยได้
คนส่วนใหญ่พอเกิดความกลัว คว้าอะไรได้ก่อนก็ยึดเอาเป็นที่พึ่งได้หมด โดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูก กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่เรายึดถือมานั้นผิด ก็ต้องใช้เวลานาน
มนุษย์และสัตว์รสัญชาตญาณรักตัวกลัวตาย และอยากมีที่พึ่งด้วยกันทั้งนั้น
เวลาเรากลัวขึ้นมาหรือปรารถนาโชคลาภก็พึ่งผี พึ่งภูเขาไหว้ต้นไม้ บูชาจอมปลวกบ้าง
สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถช่วยเราได้เลย
พระอินทร์ได้บอกเทวดาว่า ถ้ากลัวให้มองดูชายธงจะได้หายกลัว
พระอินทร์เป็นปุถุชนยังมีราคะ โทสะ โมหะอยู่ คนเชื่อฟังและพึ่งแล้วย่อมฟ้นจากภัยได้
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐไม่มีใครยิ่งกว่า ห่างไกลจากกิเลส ทรงประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหาการุณาธิคุณ เป็นผู้มีความเอ็นดู หวังประโยชน์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ถ้าเราได้พึ่งพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนย่อมพ้นจากความทุกข์ได้แน่นอน
แต่ทุกวันนี้ เราพึ่งวัตถุมงคลมากกว่าพึ่งคำสอน พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่าพึ่งพระธรรม
การนับถือนั้น ต้องนับถือให้ลึกซึ่งถือคำสอนที่ช่อนอยู่ในวัตถุมงคล อย่านับถือเพียงแค่รูปปั้นภายนอก
ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เวลาแจกวัตถุมงคลท่านก็จะสอนเสมอว่าให้รักษาศีล ๕ หมั่นทำบุญบางรูปก็เน้นว่า อย่าผิดลูกผิดเมียคนอื่นบ้าง อย่าประมาท ให้มีสติ
แต่เราก็จำได้แค่วัตถุมงคล ลืมคำสอนที่ท่านสั่ง
เราต้องเคารพในคุณธรรมความดีของผู้นั้น ไม่ใช่เคารพบูชาเพื่อขอความช่วยเหลือ เราต้องช่วยเหลือตัวเอง ก่อนที่จะอ้อนวอนให้เทพช่วยเหลือ เมื่อเราฝากความหวังไว้กับคนอื่นถ้าไม่ได้ก็จะผิดหวัง เลิกนับถือเทพองค์นี้
แล้วไปหาเทพองค์ใหม่ สิ่งคักดิ์สิทธิ์รูปแบบใหม่ที่ช่วยเหลือตนเองได้
จึงทำให้เกิดเทพจริง และเทพปลอมขึ้นเป็นจำนวนมาก
กว่าจะรู้ว่าโดนหลอก เราก็หมดตัวเสียแล้ว